💉 ฟิลเลอร์ (Filler)
คือสารสังเคราะห์ที่มีความคงตัวสูง สลายได้เองตามธรรมชาติและก่อให้เกิดอาการแพ้น้อย โดยสารที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ กรดไฮยาลูโลนิก (Hyaluronic Acid) หรือ เอชเอ (HA) เป็นสารที่พบได้ในชั้นผิวปกติและจะมีปริมาณลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้นในทางการแพทย์จึงมีการคิดค้นไฮยาลูโลนิกสังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อใช้ฉีดเติมเต็มเข้าไปในชั้นผิวหนังเพื่อทดแทนเส้นใยคอลลาเจนที่สลายไป ช่วยในการเติมเต็มรูปหน้า เติมร่องลึกต่าง ๆ และปรับรูปหน้าให้สมส่วนมากยิ่งขึ้น
⚙️ กลไกการออกฤทธิ์ของฟิลเลอร์ (Filler)
กลไกการออกฤทธิ์ของ กรดไฮยาลูโลนิก (HA) คือการที่สารไปจับตัวกับน้ำในชั้นผิวหนัง เกิดการคงรูปของฟิลเลอร์ ช่วยทำให้บริเวณที่เป็นร่องลึกดูตื้นขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ลง และปรับรูปหน้าให้สมส่วน
📝 การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
1. ⚠️ หากมีประวัติเหล่านี้ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีด: แพ้ยา, โรคประจำตัว, มียารับประทานประจำ, กำลังตั้งครรภ์/ให้นมบุตร
2. 💊 หากรับประทานยา/อาหารเสริมที่มีผลให้เลือดออกง่าย เช่น Aspirin, Warfarin, วิตามินอี, น้ำมันตับปลา, ใบแปะก๊วย, โสม, กระเทียม ควรแจ้งแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำหลังฉีด
✅ การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
1. 🚫 หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ นวด หรือคลึงบริเวณที่ฉีด
2. 💧 ดื่มน้ำมาก ๆ วันละ 6 - 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร/วัน โดยเฉพาะช่วง 4–5 วันแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์ทำงานได้ดี
3. 🚿 หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, หรือ Retinoids 2 วันแรก
4. 🍷 งดดื่มแอลกอฮอล์ 2 วันแรก เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำ
5. 🚬 งดสูบบุหรี่ 2 วันแรก และหลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ (โดยเฉพาะกรณีฉีดบริเวณปาก)
6. 🔥 ควรงดอบไอน้ำ ซาวน่า ทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์ 2 สัปดาห์หลังฉีด
7. 🆘 หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวมแดงมาก ผิวซีดหรือคล้ำ มองเห็นผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
⚠️ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
1. 😣 อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย หายได้เองภายใน 2–3 วัน
2. 🤕 อาจเกิดผื่นแดงหรือรอยช้ำ หายได้เองภายใน 1–2 สัปดาห์
3. 🩸 หากฟิลเลอร์เข้าไปในหลอดเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด
4. 🧱 เกิดรอยนูน/ผิวไม่เรียบ หากฉีดในชั้นตื้นเกินไป หรือใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่
5. 🔄 เกิดการเคลื่อนย้าย (migration) จากการนวดหรือคลึง
6. 🚨 อาจแพ้ เป็นก้อนนูนแดงอักเสบ แม้ผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปีหลังฉีด